มีรายงานจากนักจิตวิทยาเมืองอังกฤษเมื่อเร็วๆนี้ว่า จากการสุ่มตัวอย่างสำรวจผู้คนจำนวน ๓,๐๐๐ คน พบว่าสามีภรรยาแต่ละคู่จะวางมือจากหน้าที่การงานต่างๆได้ก็เมื่อเวลา ๒๐.๐๕ น. และยังต้องใช้เวลาอีก ๓๙ นาที จึงค่อยรู้สึกผ่อนคลายและหายเหน็ดหายเหนื่อยจากความหนักอึ้งของหน้าที่การงานประจำวันลงได้
ความที่ต้องตรากตรำในหน้าที่การงานอยู่หลายชั่วโมงประกอบกับงานในบ้านที่็เว้นก็ไม่ได้ด้วยนี้เอง ทำให้คู่สามีภรรยามีเวลาสำเริงสำราญด้วยกันในวันหนึ่งๆได้ไม่ถึง ๗๕ นาที
ท้ายสุดก็สรุปความเห็นไว้ว่า ความเหน็ดเหนื่อยของชีวิตสมัยใหม่จากอาชีพการงานและงานในบ้าน ได้ทำให้สถิติการหย่าร้างสูงขึ้น และยังพบว่าสามีและภรรยา ต่างก็มีวิธีการผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยของตนกันคนละแบบเสียด้วย
นั่นคือผลจากการใช้ชีวิตในโลกทุนนิยมที่ต้องบอกว่า น่าลำเค็ญเหลือเกิน
ซึ่งเราก็เชื่อว่าชีวิตที่เมืองไทยสำหรับผู้ที่ทำงานในเมืองหลวงหรือในเมืองใหญ่บางแห่งก็ไม่ต่างไปจากนี้สักเท่าไหร่ และด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากมายนี้เองก็จึงทำให้การทำความดีในฐานะพุทธศาสนิกชนต้องมีการปรับเปลี่ยนตามไปด้วยโดยปริยาย แล้วก็อาจนำมาซึ่งความสงสัยบ้างก็ได้ว่า…
“ถ้าเราทำความดี ประพฤติตนดีในสังคม แต่ไม่เคยเข้าวัดหรือตักบาตร จะได้บุญหรือไม่ แตกต่างกันอย่างไร”